เคยสงสัยกันไหมว่า โฆษณาที่เราดูกันทุกวันเนี่ย ใครเป็นคนพากย์เสียง? เสียงเพราะๆ ที่ทำให้เราจำโฆษณาได้ติดหูเนี่ย มาจากไหน? วันนี้เราจะพาไปเปิดโลกอาชีพ “นักลงเสียง” อาชีพที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ แต่รายได้ดี แถมมีอิสระอีกด้วยนะ!

งานพากย์โฆษณา: อาชีพที่มากกว่าแค่เสียงดี
ทำไมเสียงพากย์ถึงสำคัญ?
โฆษณาสินค้าผ่านช่องทางต่างๆ ต้องมีความโดดเด่น หักมุม เพื่อให้ผู้ชมจดจำ แต่โฆษณาทางโทรทัศน์มีความท้าทายมากขึ้น นอกเหนือจากเรื่องราวที่ต้องถ่ายทำแล้ว ยังต้องมีเสียงเข้ามาสอดแทรก คำพูดหรือประโยคที่ต้องการถ่ายทอดไปยังผู้ชมสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าภาพและเนื้อหา โฆษณาหลายชิ้นที่เราจำได้ ก็เพราะคำพูดจากโฆษณาชิ้นนั้นๆ เช่น โฆษณาหมู่บ้านเสนานิคม ฉากเด็ก 2 คนนั่งอยู่กลางสระน้ำพร้อมกับพูดว่า “เรามาอยู่ตั้งแต่คุณพ่อเป็นแฟนกับคุณแม่ เธอมาอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่…เรามาอยู่ตั้งแต่คุณปู่เป็นแฟนกับคุณย่า” เป็นโฆษณาที่ผมได้ดูตั้งแต่วัยเด็ก และยังจำได้จนถึงทุกวันนี้
ดังนั้น งานพากย์โฆษณา จึงสำคัญไม่น้อยกว่าส่วนอื่นของการผลิตโฆษณา หากลองจินตนาการว่าโฆษณาชิ้นหนึ่ง ถ่ายภาพและตัดต่อดีแค่ไหน แต่ถ้าเสียงพากย์ไม่ตรงกับความรู้สึกที่ต้องการสื่อ โฆษณาชิ้นนั้นจะขาดเสน่ห์ไปอย่างน่าเสียดาย ทำให้ผมค้นพบว่ามีอาชีพหนึ่งที่ตอบโจทย์นี้คือ “นักลงเสียง” ที่ไม่คิดว่าจะเป็นอาชีพได้ แต่กลับมีหลายคนยึดเป็นอาชีพประจำ
นักลงเสียง: ใครๆ ก็ทำได้?
หลายคนอาจคิดว่าการเป็นนักลงเสียงต้องมีเสียงดี เสียงหล่อ เสียงสวย แต่จริงๆ แล้วไม่จำเป็นเสมอไป สิ่งสำคัญคือการมีทักษะการแสดงอารมณ์ผ่านเสียง และสามารถปรับเปลี่ยนเสียงให้เข้ากับโฆษณาแต่ละชิ้นได้

เปิดเส้นทางนักลงเสียง: จากความบังเอิญสู่มืออาชีพ
ต้น กฤตย สุขวัฒก์: เสียงเข้มหล่อโกอินเตอร์
กฤตย สุขวัฒก์ (ต้น) มีเสียงเข้มหล่อ หนักแน่น เป็นอัตลักษณ์ การลงเสียงเริ่มต้นด้วยความบังเอิญจากการเป็นเด็กฝึกงานในบริษัทโฆษณา และพี่ที่บริษัทให้ลงเสียงในโฆษณาชิ้นหนึ่งเพื่อนำไปเสนอให้กับลูกค้า แต่กลับกลายเป็นว่าลูกค้าชอบ ให้ลงเสียงจริง พร้อมกับได้เงินค่าจ้าง 20,000 บาท จากการลงเสียงเพียง “RD-2 Welcome to the world a speed power” ในเวลาไม่ถึง 10 วินาที จุดประกายให้ต้นได้เริ่มต้นยึดอาชีพเป็นนักลงเสียงตั้งแต่นั้นมา
ด้วยการเรียนที่โรงเรียนนานาชาติตั้งแต่เด็ก และเข้าเรียนต่อที่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยภาคอินเตอร์ ทำให้ต้นมีสำเนียงภาษาอังกฤษที่โดดเด่น ลูกค้าต่างประเทศติดใจ โดยเฉพาะการโฆษณาสินค้าในสหรัฐฯ เพราะสามารถออกพลังเสียงได้อย่างหนักแน่น คนฟังแยกแยะไม่ออกว่าเป็นสำเนียงจากภาคไหนของสหรัฐฯ ทำให้ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคได้ทั่วประเทศ นอกจากนั้น ต้นยังได้ลงเสียงโฆษณาแหล่งท่องเที่ยวให้กับประเทศมอริเชียสและคูราเซา จนไปถึงการลงเสียงโฆษณาหาเสียงให้กับวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ จนได้รับเลือกตั้ง ซึ่งต้นเปิดเผยว่าเขาได้ลงเสียงโฆษณาไปทั่วโลกกว่า 68 ประเทศแล้ว
ต้นกล่าวว่าเสียงที่มีความน่าเชื่อถือ ต้องเป็นเสียงต่ำ แต่เสียงตนเองที่กว้าง ทำให้ producer ปรับเสียงให้ยืดหยุ่นขึ้น ทั้งนี้ นอกเหนือจากการลงเสียงโฆษณาแล้ว ต้นยังเป็นนักพากย์หนัง และลงเสียงประเภทอื่นๆ เช่น e book ด้วย แต่ต้นกล่าวว่า การลงเสียงโฆษณา เป็นงานที่สนุกและท้าทายกว่า ถ้าเราคิดว่าเสียงไม่ดีเราก็ทำงานแบบนี้ไม่ได้ มันไม่สำคัญว่าเสียงเราดีไม่ดี เสียงที่ดีไม่มีคำตอบ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้หรือไม่ แต่ทักษะที่ต้องมีคือการแอ๊กติ้งมากกว่า เพราะมันก็เหมือนกับการเล่นละครแบบหนึ่ง เราต้องเข้าใจว่าลงเสียงเป็นบทของใคร
ดาร์ท ธนทร ศิริรักษ์: จากนักร้องสู่มือพากย์
ธนทร ศิริรักษ์ (ดาร์ท) มีเส้นทางอาชีพที่ไม่ต่างจากต้นมากนัก เรียนวิชาขับร้อง College of Music ที่มหาวิทยาลัยมหิดล แล้วไปต่อปริญญาโทสาขา Music Production and Sound Design for Visual Media ที่ Academy of Art University เมืองซานฟรานซิสโก ก่อนเข้าทำงานควบคุมเสียง (Sound Engineer) และได้ไปลงเสียงเสนอโฆษณาให้ลูกค้า ซึ่งพอลูกค้าฟังเสร็จ ชอบเสียงตนเอง จนเป็นที่มาของการยึดอาชีพนี้ตั้งแต่วันนั้นมา ทั้งๆ ที่ไม่เคยทราบมาก่อนว่ามีอาชีพแบบนี้ ซึ่งคุณแม่เคยทักว่า ตนเองน่าจะยึดอาชีพงานพากย์มากกว่าการร้องเพลง
ดาร์ทให้สัมภาษณ์ว่า “ถึงงานแรกจะเป็นความบังเอิญ และหลายคนจะบอกว่าเราโชคดีจัง แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ ต้องใช้ความพยายามและอดทนพอสมควรเลย ต้องฝึกตลอดเวลา ขับรถเจอป้ายอะไรก็อ่านไปเรื่อย จนแทรกซึมในสายเลือด การอ่านสปอตโฆษณา ตาต้องไวมากด้วย ต้องกวาดตาไปก่อนจะอ่านถึงคำนั้น รวมทั้งต้องควบคุมโทนเสียงให้ตรงกับโฆษณาชิ้นนั้นๆ เช่นโฆษณาขายคอนโด ต้องเป็นเสียงอบอุ่น”
วอลนัท สายทิพย์ วิวัฒนปฐพี: เสียงไม่มีอัตลักษณ์ก็เป็นดาวได้
สำหรับการเป็นนักลงเสียงของสายทิพย์ วิวัฒนปฐพี (วอลนัท) ต้องฟันฝ่าอุปสรรคพอสมควร เพราะการเรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และตัดสินใจยึดอาชีพนักร้อง และนักลงเสียง ผลงานจึงเป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ให้ครอบครัวยอมรับ “พ่อแม่ไม่เคยเข้าใจ จบจากสถาบันดีๆ ทำไมจึงมาร้องเพลงกลางคืน ลงเสียง แต่เราคิดว่าอาชีพนี้เป็นสิ่งที่เราชอบ ขาดไม่ได้ ทำแล้วก็มีรายได้มั่นคงเหมือนกัน”
วอลนัทเคยเป็นนักร้องนำวง Apple Girls Band และประกวดร้องเพลงรายการ The Voice Thailand ก่อนมายึดอาชีพลงเสียงมานานกว่า 11 ปีแล้ว วอลนัทให้สัมภาษณ์ว่า เริ่มแรก พี่ๆ หลายคนไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่าเสียงตนเองไม่มีอัตลักษณ์ แต่ตนเองกลับคิดว่า หากสามารถฝึกฝนให้เสียงตนเองปรับเปลี่ยนเสียงและโทนให้ตอบโจทย์ไปตามแต่ละชิ้นโฆษณา ได้ไม่ว่าทำให้เป็นเสียงนุ่มนวล มาดเข้ม หรือแสบสัน น่าจะทำให้เป็นจุดเด่นของเธอ “เรากลับมาเจอ นี่ล่ะเสียงเรา ไม่ต้องนิยามว่าเสียงเราแบบไหน” วอลนัทรับว่างานลงเสียงเป็นงานที่เรียกว่า standby เพราะขึ้นอยู่กับว่าลูกค้าจะเรียกไปลงเสียงจากผลงานที่ส่งไปเมื่อไหร่ อย่างไรก็ดี วอลนัทเห็นว่า งานนี้ถือเป็นงานที่มีความมั่นคง เพราะไม่ได้ต้องพึ่งกับคนอื่น แต่อยู่ที่ตัวเราที่จะต้องหมั่นฝึกฝนและพัฒนาตนเองตลอดเวลา

สรุป: งานพากย์โฆษณา ไม่ใช่แค่เสียงดี แต่ต้องมีใจรักและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
เส้นทางการเป็นนักลงเสียงของต้น ดาร์ท และวอลนัท แสดงให้เห็นว่าอาชีพนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่คนที่มีเสียงดีเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือใจรักในงาน การฝึกฝนพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ และความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของลูกค้า
สิ่งที่นักลงเสียงต้องมี
- ใจรักในงาน: ความรักในเสียงและการแสดงออกเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้คุณก้าวไปข้างหน้า
- ทักษะการแสดงอารมณ์: สามารถถ่ายทอดอารมณ์ผ่านเสียงได้อย่างเป็นธรรมชาติและเข้าถึงผู้ฟัง
- ความสามารถในการปรับตัว: ปรับเปลี่ยนโทนเสียง น้ำเสียง และการแสดงออกให้เข้ากับโฆษณาแต่ละชิ้น
- ความมุ่งมั่นและอดทน: ฝึกฝนและพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อก้าวสู่ความเป็นมืออาชีพ
- ความเข้าใจในธุรกิจ: เรียนรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมโฆษณา เข้าใจความต้องการของลูกค้า และสร้างเครือข่าย
โอกาสและความท้าทาย
งานพากย์โฆษณา เป็นอาชีพที่มีโอกาสเติบโตสูง โดยเฉพาะในยุคที่สื่อออนไลน์และโฆษณาดิจิทัลเติบโตอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม อาชีพนี้ก็มีความท้าทายเช่นกัน เช่น การแข่งขันที่สูง การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และความไม่แน่นอนของงาน
คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจ
- ฝึกฝนการใช้เสียง: ฝึกการออกเสียง การควบคุมลมหายใจ และการแสดงอารมณ์ผ่านเสียง
- สร้างผลงาน: บันทึกเสียงตัวอย่าง (demo reel) เพื่อนำเสนอผลงานของตนเอง
- สร้างเครือข่าย: เข้าร่วมกลุ่มหรือชุมชนนักลงเสียง เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์
- เรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์: ศึกษาแนวทางการทำงานของนักลงเสียงมืออาชีพ และขอคำแนะนำจากพวกเขา
- เปิดรับโอกาส: เข้าร่วมการคัดเลือกนักลงเสียง (casting call) และมองหาโอกาสในการทำงาน
งานพากย์โฆษณา: มากกว่าแค่อาชีพ
งานพากย์โฆษณา ไม่ใช่แค่อาชีพที่สร้างรายได้ แต่ยังเป็นงานที่สร้างความสุขและความภาคภูมิใจให้กับผู้ที่ได้ทำ หากคุณเป็นคนที่มีใจรักในเสียงและการแสดงออก มีความมุ่งมั่นและตั้งใจ คุณก็สามารถก้าวเข้าสู่อาชีพนักลงเสียงและสร้างสรรค์ผลงานที่น่าจดจำได้เช่นกัน

ใส่ความเห็น